ภูมิแพ้ดีขึ้นได้...แค่ทำตามนี้!
ภูมิแพ้กำเริบทีไรทำเอาหลายคนรู้สึกหงุดหงิด ทั้งจาม ทั้งน้ำมูกไหล คัดจมูก จนรบกวนชีวิตประจำวัน ถ้าใครอยากจะหาวิธีแก้หรือหาตัวช่วยมาสู้กับภูมิแพ้ที่เป็นอยู่ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องใช้วิธีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ทำความรู้จัก โรคภูมิแพ้ (Allergy)
โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายได้รับสารบางอย่างและร่างกายตอบสนองผิดไปหรือไวผิดปกติจากคนทั่วไป แล้วทำให้เกิดโรคและอาการต่างๆ ที่น่าหงุดหงิดตามมา หรือที่เรียกว่าอาการแพ้ โดยเราเรียกตัวการหรือสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้เหล่านี้ว่า สารก่อภูมิแพ้ (Allergens)
สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) คืออะไร?
สารที่ร่างกายได้รับแล้วทำให้เกิดอาการของโรคภูมิแพ้ตามมา ซึ่งเข้าสู่ร่ายกายได้หลายช่องทาง เช่น ทางการหายใจ การทานอาหาร หรือการสัมผัสทางผิวหนัง โดยสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้มีอยู่รอบตัว แต่ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ไรฝุ่นในบ้าน ,เชื้อราในอากาศ, อาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล, ยาต่างๆ , แมลง และขนสัตว์
มีอาการอย่างไร จึงสงสัยเป็นโรคภูมิแพ้ เช็คเลย...
- น้ำมูกไหล คัดจมูก จาม คันจมูกเรื้อรัง
- ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
- ผื่นคันเรื้อรังตามผิวหนัง
- เกิดลมพิษบ่อย
- คันตา แสบตา น้ำตาไหลเรื้อรัง
- สัมผัสสารบางชนิดแล้วผื่นขึ้น
- รับประทานอาหารบางชนิดแล้วมีผื่น หรือปวดท้อง ท้องเสีย หรือแน่นหน้าอก
วิธีการรักษา
โรคภูมิแพ้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ หากมีอาการอย่างที่กล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการแพ้ โดยในปัจจุบันมียาบรรเทาอาการหรือยารักษาที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยหลายประเภท ทั้งยารับประทาน ยาทาผิวหนัง ยาสูดเข้าหลอดลม ยาพ่นจมูก ยาหยอดตา ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการ และยังมีการรักษาอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีคือ การหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้นั้นให้พบ แล้วนำสารก่อภูมิแพ้นั้นมาผลิตเป็นวัคซีนฉีดให้กับผู้ป่วย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านต่อสารก่อภูมิแพ้
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงสารสกัดจากพืชสมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพในเรื่องของโรคภูมิแพ้ หรือช่วยเสริมระบบภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เช่น
1.วิตามิน ซี (Vitamin C)
หลายคนอาจเคยได้ยินว่าการได้รับวิตามินซี ในขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยเสริมภูมิต้านทานและลดความรุนแรงของอาการจากหวัดได้ เนื่องจากวิตามิน ซี เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่ทำหน้าที่ในการสร้างภูมิต้านทานสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้ามาสู่ร่างกาย และมีส่วนช่วยในการลดปริมาณการหลั่งสารฮีสตามีนที่เป็นสาเหตุของการเกิดน้ำมูกในผู้ที่เป็นหวัด
2.ธาตุสังกะสี (Zinc)
มีความจำเป็นอย่างมากต่อเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน หากร่างกายขาดสังกะสีจะทำให้การทำงานของ T-cells รวมถึงเซลล์อื่นๆ ในระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งปกติเราควรได้รับธาตุสังกะสีวันละ 15-25 มิลลิกรัมต่อวัน
3.อัลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry)
มีสารสำคัญเป็นสารจำพวกไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีชื่อว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารนี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีเลิศ และยังเสริมสร้างภูมิต้านทาน มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส ช่วยบรรเทาความรุนแรงจากหวัด
4.โสม (Ginseng)
เป็นสมุนไพรที่ใช้กันในแถบเอเชียมานานกว่า 2,000 ปี สารสำคัญในการออกฤทธิ์เรียกรวมว่า สารจินเซโนไซด์ (Ginsenosides) โสมมีคุณสมบัติเป็น “Adaptogen” ซึ่งหมายถึง ช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุลจากสภาวะต่างๆ และเป็นยาบำรุงหรืออายุวัฒนะ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแบบไม่เฉพาะเจาะจง
5.กระเทียม (Garlic)
เป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน โดยสารอัลลิซิน (Allicin) และสารอื่นๆ ในกระเทียมจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
6.เควอซิติน (Quercetin)
เควอซิติน เป็นสารในกลุ่มของ Bioflavonoid พบมากในผักผลไม้โดยเฉพาะหัวหอม เป็นสารต้านฮิสตามีนตามธรรมชาติ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการหวัด ภูมิแพ้ คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตามผิวหนัง หอบหืด และมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย